noonji =3= jfc
วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
Yogurt
โยเกิร์ต (Yogurt) ในภาษาทราเซียน วาย โอ จี (Yog) แปลว่า หนาหรือข้น ส่วน ยู อาร์ ที (urt) แปลว่า น้ำนม ดังนั้นคำว่า โยเกิร์ต (Yogurt) น่าจะมาจากคำสองคำนี้รวมกัน ซึ่งหมายถึง ผลิตภัณฑ์นมที่ได้จากการนำนมไปหมักกับเชื้อจุลินทรีย์ โดยจุลินทรีย์จะเปลี่ยนน้ำตาลแลคโทสไปเป็นกรดแลคติก และทำให้นมเปลี่ยนสภาพจากของเหลวไปเป็นลักษณะข้นเหนียว ซึ่งมีลักษณะเป็นลิ่มคล้ายคัสตาร์ด หรือคล้ายกับเต้าฮวย นอกจากนี้ยังมีกลิ่นและรสเฉพาะตัวที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดี ก็คือ รสเหมือนนมเปรี้ยว นั่นเอง
โยเกิร์ตมีมานานราว 4,500 ปีมาแล้ว และมีแหล่งกำเนิดในกลุ่มประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่าน ต่อมาได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในแถบยุโรปตะวันออก และยุโรปกลาง นักประวัติศาสตร์มีความเห็นว่าโยเกิร์ตเป็นอาหารที่รวมอยู่ในโภชนาการของชนเผ่าทราเซียน อันเป็นบรรพบุรุษเก่าแก่ที่สุดของชาวบัลแกเรีย ชาวทราเซียน มีความชำนาญในการเลี้ยงแกะ ในยุคโบราณราวศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ก่อนคริสตกาล ชาวทราเซียนมีวิธีการเก็บรักษาน้ำนมไว้ในถุงที่ทำจากหนังแกะ เวลาไปไหนต่อไหนก็เอาถุงนี้คาดเอวไว้ ความอบอุ่นจากร่างกายร่วมกับจุลชีพหรือเชื้อจุลินทรีย์ที่มีอยู่ในหนังแกะ ช่วยให้เกิดปฏิกิริยาการหมักขึ้น น้ำนมในถุงก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นโยเกิร์ตไป
โยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดา ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ทำให้ปากสะอาด ป้องกันโรคหัวใจ มะเร็งลำไส้ และช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวยงามได้
C.N.BLUE ! ! !
C.N.BLUE [씨엔블루]
ย่อมาจาก Code Name Blue ศิลปินใหม่จากค่าย FnC Music แนวเพลงของพวกเขาเป็นแนวร็อค อินดี้ แบบฉบับเพลงใต้ดินของญี่ปุ่น ซึ่งตอนนี้ได้ทำการเดบิวต์ที่ญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่19 สิงหาคม 2009 ประกอบไปด้วยสมาชิก4คน คือ จองยงฮวา(ร้องนำ) , ลีจงฮยอน(ร้องนำ&กีต้าร์) ,ลีจองชิน ( เบส ) และคังมินฮยอก(กลอง) แต่เดิมแล้วC.N.Blueมีสมาชิก5คน ซึ่งสมาชิกคนที่ห้าในตำแหน่งกีต้าร์คือซงซึงฮยอน ที่ตอนนี้ได้ไปเข้าร่วมวง FTIsland แทนวอนบินที่ออกไปเมื่อต้นปี
มารู้จักน้องหมี Rilakkuma กัน ! ! ! !
น้องหมี Rilakkuma เป็นใคร มาจากไหน ???
วันนี้เราจะได้มารู้คำตอบกัน …
น้องหมี Rilakkuma เป็นหมีสีน้ำตาล กับ น้องหมีั Korilakkuma หมีสีขาว ซึ่งอาศัยอยู่กับ OL (Office Lady) ชื่อ Kaoru ทั้งคู่เป็นหมีที่มีไลฟ์สไตล์เรียบง่าย มักจะพักผ่อน นอนดูโทรทัศน์ นอนฟังเพลง หรือไม่ก็มีความสุขอยู่กับอาหารโปรด เช่น ออมเลต แพนเค้ก และพุดดิ้ง แต่มักจะถูกนกสีเหลืองของ Kaoru ที่ชื่อ Kiiroi Tori กวนเวลาพักผ่อนจนกลายเป็นเรื่องราวน่ารักในแบบฉบับ Rilakkuma หมีพักผ่อน
น้องหมี Rilakkuma เป็น Cartoon Character ของค่าย San-X Character ที่น่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดีของค่ายนี้คือ Tare Panda โดย San-X จะมีกลยุทธ์โปรโมทน้องหมี Rilakkuma ที่เน้นการจัดวางสินค้าไว้ในสถานที่ที่พบเห็นได้บ่อยๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ หรือ Game Center ซึ่งกลยุทธ์นี้เข้าถึงและทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำน้องหมี Rilakkuma ได้ง่ายโดยไม่พึ่งสื่อโทรทัศน์เหมือนการ์ตูนจากค่ายอื่นๆ
หมายเหตุ ชื่อ Rilakkuma มาจากคำว่า “Relax” ผสมกับคำญี่ปุ่น “Kuma” ซึ่งแปลว่าหมี ดังนั้น จึงน่าจะเรียก Rilakkuma ในฉบับภาษาไทยว่าหมีพักผ่อน หรือ หมีชิวชิว ^^
credit:Positioning Magazine ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ 2550
เขียนโดย คุณชุมพล ธีรลดานนท์
เรื่องเล่าเด็กมช.จ้า(มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)*-*
เรื่องเล่าเด็กมช.จ้า(มหาวิทยาลัยเชียงใหม่)*-*
ลองอ่านดูน่าจริงป่าวก็ไม่รู้อ่ะ จะนำไปเล่าให้เด็กปีหนึ่งฟังก็ได้นะ
-เป็นความจริงที่สาวมนุดมักเป็นแฟนกับวิดวะ (โดนชอปดูด)
- ลุงยามตึก HB7 หวงที่จอดรถมาก
- ในวิดยา ผู้หญิงเป็นคนทั่วไป แต่ผู้ชายเป็นสมบัติคณะ
- ในวิดวะ ผู้ชายเป็นคนทั่วไป แต่ผู้หญิงเป็นสมบัติคณะ
- สาวไหนเป็นแฟนเด็กวิดวะ มักจะได้เกียร์ติดตัวเสมอ
- เกียร์ทองเมียหลวง เกียร์เงินเมียน้อย (ในบางกรณี)
- วิดวะ ... จบสี่ปี =พระเจ้า
- ตอนขึ้นดอย หากวิดวะไม่ได้ที่หนึ่ง ปีหนึ่ง...ซวย
- หอ 3 หญิง เฮี้ยนสุด
- วันที่เปิดให้ดรอปวันสุดท้าย คิวจะยาวมาก ไปถึงบันไดใหญ่ RB5 (อ้อมต้นไม้ไป)
- หลีดมนุดไม่ถูกกะหลีดพยาบาล
- ลูกชิ้นคณะสังคมอร่อยมาก (ใครไม่เคยต้องลอง)
- อ่างแก้วเป็นสถานที่ที่สวยมาก แต่แนะนำว่าอย่าไปคนเดียว
- "รับขนมมั้ยค่ะ" เป็นคำพูดของป้าคนหนึ่ง ที่ตระเวนขายขนมทั่วมหา'ลัย
- วันลอยกระทงที่อ่างแก้ว เหมือนอยู่ในสนามรบ
- ฝายหินมีชื่อเสียงระดับโลกเรื่อง "สลัด" (อร่อยมาก)
- หอนาฬิกายี่ห้อ seiko
- ถนนคนเดินบ่อยมาก
- คณะแพทย์มีแนวโน้มว่าจะมีแอบเยอะที่สุด
- ตึก acc ba เป็นรูปเรือ
- หอ 3 กับ 2 หญิง มช ไม่ได้สร้างทับ "เมือง" แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เป็น "จุดเผาศพ" เก่า และพื้นที่ของ มช ฝั่งสวนสัก ก็คือ "สุสานและสนามรบโบราณ" ที่ตระกูลนิมมานเหมินทร์เขายกให้สร้างเป็นมหาวิทยาลัย
- ถ้าไม่ใช่บัณฑิตหรือถ่ายรูปกับบัณฑิต ห้ามถ่ายรูปกับป้ายหน้า มช เป็นอันขาดไม่งั้นไม่จบ
- บ่อเลี้ยงปลาภาควิชาฟิสิกส์ มช ห้ามจับปลามากิน ไม่งั้นเปอร์ (เคยมีคนลองของ รายนั้นใช้เวลาเรียน 8 ปี)
- ลิฟต์ตึก SCB 1 คณะวิทยาศาสตร์ มช จริงๆ ต้องมีสามตัว แต่มีใช้แค่สอง ลือกันว่า ลิฟต์ตัวที่สามเคยมีคนตกลงมาตาย (ตอนตึกใกล้เสร็จ)
- หอ 1 หญิง มช ในห้องอาบน้ำบางทีก็มีน้ำสีแดงๆ ไหลออกมาจากฝักบัว (ผมว่ามันเป็นน้ำสนิมของแท็งค์น้ำมากกว่า)
- หอสมุดกลาง ของ มช ว่ากันว่า ตอนก่อสร้าง เมื่อทำส่วนฐานรากอาคารขุดพบโครงกระดูกเยอะมากๆ
- โรงอาหารคณะมนุษยศาสตร์ มักมีหนุ่มวิศวะมาทานข้าว
- ห้ามตกปลาที่อ่างแก้วมากิน
- หอพัก 40 ปี มช ตอนแรกแบ่งสองซีก ชายครึ่งหญิงครึ่ง ไปๆ มาๆ ให้ผู้ชายอยู่ได้แค่เทอมเดียวเพราะห้องฟากผู้ชายมันไม่เต็ม ตอนนี้กลายเป็นหอหญิงล้วนไปซะแล้ว (เรื่องเงินสถานเดียว)
- คณะแพทย์ศาสตร์เป็นคณะที่มีอายุมากกว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่(ก็ตอนแรกเป็นโรงเรียนแพทย์ที่ตั้งมาก่อน มช นี่นา)
- ตึกใน มช ไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างสูงเกินกว่า 100 เมตร (100 เมตรกับอีกนิดหนึ่งมั้ง จำไม่ได้) ตามกฎเทศบัญญัติที่ไม่ต้องการให้สร้างอาคารสูงบดบังดอยสุเทพ (จริงๆ ก็บังคับทั้งเมืองนั่นแหละ)
- หอแปดหญิงมีห้องอาถรรพ์สีชมพู
- เวลาไฟดับ จะเกิดปรากฎการณ์แจกของ โดยเฉพาะย่านหอพัก
- หอ 2 หรือ 7 ชาย มีสาวกหงส์แดงเยอะ ส่วนหอ 1 หอ 6 ชาย มีสาวกปิศาจแดงเยอะ (ไปเชียร์บอลใต้หอไหน ก็อย่าไปเชียร์ผิดหอนะ
- ใต้หอ 8 หญิง เคยมีร้าน AM-PM
- บางครั้งทีวีใต้หอชาย ก็ดูละครน้ำเน่า แต่หอหญิงดันเปิดดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
- ใต้หอ 4 ชาย ช่วงกลางวัน จะมีคนมาเป่านกหวีดไล่คนที่มาจอดรถที่หน้าหอ ทั้งฝั่งหอ 4 ชาย และหอ 6 หญิง มีสมญานามว่า "เจมส์ บอนด์"
- โรงอาหารหอ 6 ชาย กินเสร็จไม่ต้องเก็บจาน
- อ.ภาษาอังกฤษที่ชื่อ Peter K. ทำให้เด็กใน Sec. ขอย้าย Sec. เรียนยกทั้ง Sec. เพราะสั่งงานงี่เง่า จี้กระทั่งเรื่องไร้สาระ และแจก F ยก Sec. ก็เคยมาแล้ว (เด็กได้ยินจากรุ่นพี่ที่เคยเรียนด้วย เลยขอย้าย Sec.)
- ผีที่เด็กมช.น่าจะเคยได้ยินบ่อยที่สุดคือ ผีป๊อกครืด (แม้จะจำเรื่องราวได้หรือไม่ได้ก็ตาม)
- เด็กมช.สามารถเรียกมหาลัยตัวเองได้เต็มปากว่า มหาลัยมีระดับ เพราะถนนในมช.เล่นระดับพอสมควร
- วง HUM มีต้นกำเนิดมาจากชมรมดนตรีกลางของมช.
- หอหญิงแทบจะทุกห้อง ล้วนมีถังพลาสติกผูกเชือก เอาไว้ฝากเพื่อนส่งเสบียงขึ้นหอ
- ประตูข้างหน้ามอ ประตูไผ่ล้อม ประตูศึกษา ประตูวิศว ถูกปิดตาย ส่วนประตูเกษตร และประตู ปตท. เปิดปิดเป็นเวลา
- สมาชิกสระว่ายน้ำรุจิรวงศ์ เสียค่าบริการครั้งละ 5 บาท
- เสียงระฆังของหอนาฬิกา ใช้ลำโพงกระจายเสียง ซึ่งหอนาฬิกาจะตั้งเวลาช้าไป 5-10 นาที
- วงเวียนตรงหน้าหอสมุด ถ้าเป็นฟากมนุษย์จะเรียกว่าวงเวียนมนุษย์ ถ้าเป้นเด็กสังคมจะบอกว่าเป้นวงเวียนสังคม ถ้าเป็นเด็กจีโอก็บอกว่าวงเวียนจีโอ ตามแต่ความนิยม แต่มันก็คือวงเวียนที่เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนแห่ อันลือลั่น
- ตึกคอม ดูดีๆมันเป้นรูปคอมพิวเตอร์ แล้วมีถาด cd ยื่นออกมาแน่ะ
- รถไฟฟ้าของมช ออกแบบใหม่ คล้ายรถกอร์ฟ แต่ใครนั่งหลังสุด ก็ต้องทนกับการถูกจ้องหน้า จากรถที่ตามท้ายมา
- หมาในมช.มีเยอะมาก แต่มีอยู่ตัวนึง ชอบวิ่งไล่ และลวนลามหญิง
- ยาม ใต้หอถูกจ้างมาให้หลับ
- เซเว่นไม่เปิด 24 ชั่วโมง
- เลมอน กรีน ใต้หอ 4 ไม่มีบัตรเติมเงินขาย
- เข้าหอสมุดต้องสแกนลายนิ้วมือ
- หน้าหอมีดอกไม้เยอะมาก เหมือนอยู่ในงานพืชสวนโลก
- รถมอไซหายโดนเฉลี่ย วันละคัน
- บูมค.วิดยา ได้ยินบ่อยมากตอนอยู่หอใน (บูม ค. สามรอบ คอคอคอวอยอ คอคอคอวอยอ คอคอคอวอยอ คือชื่อย่อคณะวิทยาศาสตร์)
- บางคนไม่เคยใช้ลิฟท์ที่ scb1 ทั้งที่มีเรียนที่นั่นทุกวัน
- เพลงประจำมหาวิทยาลัยเพลงใหม่คือ มช.รำลึก ได้แกรมมี่เป็นคนแต่งให้ มีคุณเท่ห์อุเทนเป็นคนร้อง
- เพลงมหาลัยของแต่ละคณะจะร้องคนละทำนอง
- มีรถแพนเค้ก กะรถอองรี (รถซ้าย-วนขา) ขับผ่านหอ
- เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ แทบจะกลายเป็นชุดนศ.แล้ว มีเสื้อเชิ่ตหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งเสื้อจังหวัด เสื้อโรงเรียน เสื้อสโม เสื้อคณะ เสื้อภาค เสื้อชมรม เสื้อตำบล เสื้ออำเภอ
- คอมในมอทุกเครื่องต้องมีไวรัส (เป็นของคู่กัน)
- มาม่าหอ 7 อร่อยมากยามค่ำคืน
- มีสุนัขวิ่งขึ้นดอยพร้อมเฟรชชี่ปีหนึ่งทุกปี
- ขอคอนเฟิร์มว่า ของหวานคณะมนุษย์ ลูกชิ้นคณะสังคม เฉาก๊วย ที่ตึกชอกโกแลต น้ำส้มสวนสุขภาพ อร่อยมาก
- บะหมี่ยำ น่องไก่ ที่ โรงอาหาร Bio อร่อยมาก
- แมวดำที่หอแปดหญิง ชอบดูนักศึกษาอาบน้ำ
- เมื่อก่อนอมช เริ่มขายตอนตีสี่ เดี๋ยวนี้หกโมง
- ประเพณีเดินขึ้นดอย ถ้าแซงคณะวิดยา จะเหนื่อยหน่อยนะคะ เพราะว่าแถวยาวมาก
- sport day คณะแพทย์ และ คณะวิดยา แข่งเชียร์กันทุกปี
- หนุ่ม - สาว Stat - วิดยา นิยมใช้ห้องน้ำที่ Uniserve
- สามารถดูเกรดโดยการส่ง sms
- ประเพณีอ่านหนังสือโต้รุ่ง ยังคงมีตามหอชายทั่วไป
- วิดวะ มีเพลง เด็กเอ๋ย เด็กดี เวอร์ชั่น sensor
- มช.เคยมีเทศกาลเปิดหอ ให้ชายขึ้นหอหญิง ให้หญิงขึ้นหอชาย สลับกันหนึ่งวัน...แต่ละห้องจะต้องมีขอกินเลี้ยงคนที่มาเยี่ยมห้องด้วย
- ทุกวันที่ 14 กุมภา เด็กมช.จะได้กินก๋วยเตี๋ยวลุงว้ากฟรี เพราะเป็นวันเกิดแก แกเลี้ยงทั้งร้าน จริงๆนะ
- เรียน 8 โมงมักพบในเด็กปีหนึ่งเท่านั้น
- บัตรนักศึกษาหนึ่งใบเป็นได้ทั้ง บัตรนักศึกษา atm เช่าการ์ตูน เช่าหนัง แต่ใช้เข้าผับไม่ได้
- แถวภาควิชาเคมีมีห้องหนึ่งชื่อว่า ห้องเป่าแก้ว แต่หลายๆคนเรียกผิด เป็น ห้องป้าแก้ว
- ผ้าป่าธรณี ของวิดยาธรณีและgem ฮามากๆ ไม่เฉพาะแค่หอใน เค้าไปเต้นกันที่ฝายหินรวมถึงหน้า-หลังมอด้วย
- สุรา(หมักเอง) ของภาคจุลชีววิทยา คณะวิทย์ ถือว่าแรงที่สุด เพราะทำให้พวกคอแข็งๆอย่างเด็กเกษตรดื่มแล้วเมา
- RB3,5 อมช. ความน่ารักสัมพัทธ์เยอะที่สุด
- ลูกสาวร้านขายหอยทอดที่ตลาดฝายหิน น่ารักมากกก
- โรงอาหารไบโอ มีอยู่จิง แต่มักรู้กันแค่คณะวิทย์
- อมช ถ้าใครกินทุกวันจนจบ คงเป้นเศรษฐีจากเงินเก็บแน่ๆ (เพราะของถูกมากกก)
- ประเพณีขึ้นดอยของคณะวิทย์ จะมีเสียง "อัดตับ ๆ" ดังลั่นตลอดเวลา เนื่องจากคนเยอะต้องเดินเร็ว ๆ และอัดแถวกันให้สั้นที่สุด
- ที่ภาควิชาฟิสิกส์ มีหมาชื่อคุณตึ๋ง เป็นเทอร์เรียสีขาว ชอบเข้าไปนั่งฟังบรรยายวิชาปีหนึ่ง จนอาจารย์บอกว่าถ้ามันเป็นคนคงจะจบด็อกเตอร์มานั่งสอนนักศึกษาแล้ว
- ที่ภาควิชาชีวะ คณะวิทย์ เคยต้องทำบุญใหญ่ เพราะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เช่น เก้าอี้แล็บหมุนเอง หรือมีเสียงคนเดินบนบันไดตอนเที่ยงคืน มีเงาคนเดินไปมาในเรือนเพาะชำใต้ตึก จนตอนนั้นไม่มีใครกล้าอยู่ทำงานที่ภาคหลังพระอาทิตย์ตก บางคนว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ทดลองมากมายที่ต้องใช้เรียนกัน
แก้ไขๆ ..ตอนนี้โรงอาหารหอ 6 ชาย ต้องเก็บจานเองแล้ว...
จบประกาศ!!
ลองอ่านดูน่าจริงป่าวก็ไม่รู้อ่ะ จะนำไปเล่าให้เด็กปีหนึ่งฟังก็ได้นะ
-เป็นความจริงที่สาวมนุดมักเป็นแฟนกับวิดวะ (โดนชอปดูด)
- ลุงยามตึก HB7 หวงที่จอดรถมาก
- ในวิดยา ผู้หญิงเป็นคนทั่วไป แต่ผู้ชายเป็นสมบัติคณะ
- ในวิดวะ ผู้ชายเป็นคนทั่วไป แต่ผู้หญิงเป็นสมบัติคณะ
- สาวไหนเป็นแฟนเด็กวิดวะ มักจะได้เกียร์ติดตัวเสมอ
- เกียร์ทองเมียหลวง เกียร์เงินเมียน้อย (ในบางกรณี)
- วิดวะ ... จบสี่ปี =พระเจ้า
- ตอนขึ้นดอย หากวิดวะไม่ได้ที่หนึ่ง ปีหนึ่ง...ซวย
- หอ 3 หญิง เฮี้ยนสุด
- วันที่เปิดให้ดรอปวันสุดท้าย คิวจะยาวมาก ไปถึงบันไดใหญ่ RB5 (อ้อมต้นไม้ไป)
- หลีดมนุดไม่ถูกกะหลีดพยาบาล
- ลูกชิ้นคณะสังคมอร่อยมาก (ใครไม่เคยต้องลอง)
- อ่างแก้วเป็นสถานที่ที่สวยมาก แต่แนะนำว่าอย่าไปคนเดียว
- "รับขนมมั้ยค่ะ" เป็นคำพูดของป้าคนหนึ่ง ที่ตระเวนขายขนมทั่วมหา'ลัย
- วันลอยกระทงที่อ่างแก้ว เหมือนอยู่ในสนามรบ
- ฝายหินมีชื่อเสียงระดับโลกเรื่อง "สลัด" (อร่อยมาก)
- หอนาฬิกายี่ห้อ seiko
- ถนนคนเดินบ่อยมาก
- คณะแพทย์มีแนวโน้มว่าจะมีแอบเยอะที่สุด
- ตึก acc ba เป็นรูปเรือ
- หอ 3 กับ 2 หญิง มช ไม่ได้สร้างทับ "เมือง" แต่เสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เป็น "จุดเผาศพ" เก่า และพื้นที่ของ มช ฝั่งสวนสัก ก็คือ "สุสานและสนามรบโบราณ" ที่ตระกูลนิมมานเหมินทร์เขายกให้สร้างเป็นมหาวิทยาลัย
- ถ้าไม่ใช่บัณฑิตหรือถ่ายรูปกับบัณฑิต ห้ามถ่ายรูปกับป้ายหน้า มช เป็นอันขาดไม่งั้นไม่จบ
- บ่อเลี้ยงปลาภาควิชาฟิสิกส์ มช ห้ามจับปลามากิน ไม่งั้นเปอร์ (เคยมีคนลองของ รายนั้นใช้เวลาเรียน 8 ปี)
- ลิฟต์ตึก SCB 1 คณะวิทยาศาสตร์ มช จริงๆ ต้องมีสามตัว แต่มีใช้แค่สอง ลือกันว่า ลิฟต์ตัวที่สามเคยมีคนตกลงมาตาย (ตอนตึกใกล้เสร็จ)
- หอ 1 หญิง มช ในห้องอาบน้ำบางทีก็มีน้ำสีแดงๆ ไหลออกมาจากฝักบัว (ผมว่ามันเป็นน้ำสนิมของแท็งค์น้ำมากกว่า)
- หอสมุดกลาง ของ มช ว่ากันว่า ตอนก่อสร้าง เมื่อทำส่วนฐานรากอาคารขุดพบโครงกระดูกเยอะมากๆ
- โรงอาหารคณะมนุษยศาสตร์ มักมีหนุ่มวิศวะมาทานข้าว
- ห้ามตกปลาที่อ่างแก้วมากิน
- หอพัก 40 ปี มช ตอนแรกแบ่งสองซีก ชายครึ่งหญิงครึ่ง ไปๆ มาๆ ให้ผู้ชายอยู่ได้แค่เทอมเดียวเพราะห้องฟากผู้ชายมันไม่เต็ม ตอนนี้กลายเป็นหอหญิงล้วนไปซะแล้ว (เรื่องเงินสถานเดียว)
- คณะแพทย์ศาสตร์เป็นคณะที่มีอายุมากกว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่(ก็ตอนแรกเป็นโรงเรียนแพทย์ที่ตั้งมาก่อน มช นี่นา)
- ตึกใน มช ไม่ได้รับอนุญาตให้สร้างสูงเกินกว่า 100 เมตร (100 เมตรกับอีกนิดหนึ่งมั้ง จำไม่ได้) ตามกฎเทศบัญญัติที่ไม่ต้องการให้สร้างอาคารสูงบดบังดอยสุเทพ (จริงๆ ก็บังคับทั้งเมืองนั่นแหละ)
- หอแปดหญิงมีห้องอาถรรพ์สีชมพู
- เวลาไฟดับ จะเกิดปรากฎการณ์แจกของ โดยเฉพาะย่านหอพัก
- หอ 2 หรือ 7 ชาย มีสาวกหงส์แดงเยอะ ส่วนหอ 1 หอ 6 ชาย มีสาวกปิศาจแดงเยอะ (ไปเชียร์บอลใต้หอไหน ก็อย่าไปเชียร์ผิดหอนะ
- ใต้หอ 8 หญิง เคยมีร้าน AM-PM
- บางครั้งทีวีใต้หอชาย ก็ดูละครน้ำเน่า แต่หอหญิงดันเปิดดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีก
- ใต้หอ 4 ชาย ช่วงกลางวัน จะมีคนมาเป่านกหวีดไล่คนที่มาจอดรถที่หน้าหอ ทั้งฝั่งหอ 4 ชาย และหอ 6 หญิง มีสมญานามว่า "เจมส์ บอนด์"
- โรงอาหารหอ 6 ชาย กินเสร็จไม่ต้องเก็บจาน
- อ.ภาษาอังกฤษที่ชื่อ Peter K. ทำให้เด็กใน Sec. ขอย้าย Sec. เรียนยกทั้ง Sec. เพราะสั่งงานงี่เง่า จี้กระทั่งเรื่องไร้สาระ และแจก F ยก Sec. ก็เคยมาแล้ว (เด็กได้ยินจากรุ่นพี่ที่เคยเรียนด้วย เลยขอย้าย Sec.)
- ผีที่เด็กมช.น่าจะเคยได้ยินบ่อยที่สุดคือ ผีป๊อกครืด (แม้จะจำเรื่องราวได้หรือไม่ได้ก็ตาม)
- เด็กมช.สามารถเรียกมหาลัยตัวเองได้เต็มปากว่า มหาลัยมีระดับ เพราะถนนในมช.เล่นระดับพอสมควร
- วง HUM มีต้นกำเนิดมาจากชมรมดนตรีกลางของมช.
- หอหญิงแทบจะทุกห้อง ล้วนมีถังพลาสติกผูกเชือก เอาไว้ฝากเพื่อนส่งเสบียงขึ้นหอ
- ประตูข้างหน้ามอ ประตูไผ่ล้อม ประตูศึกษา ประตูวิศว ถูกปิดตาย ส่วนประตูเกษตร และประตู ปตท. เปิดปิดเป็นเวลา
- สมาชิกสระว่ายน้ำรุจิรวงศ์ เสียค่าบริการครั้งละ 5 บาท
- เสียงระฆังของหอนาฬิกา ใช้ลำโพงกระจายเสียง ซึ่งหอนาฬิกาจะตั้งเวลาช้าไป 5-10 นาที
- วงเวียนตรงหน้าหอสมุด ถ้าเป็นฟากมนุษย์จะเรียกว่าวงเวียนมนุษย์ ถ้าเป้นเด็กสังคมจะบอกว่าเป้นวงเวียนสังคม ถ้าเป็นเด็กจีโอก็บอกว่าวงเวียนจีโอ ตามแต่ความนิยม แต่มันก็คือวงเวียนที่เป็นจุดเริ่มต้นของขบวนแห่ อันลือลั่น
- ตึกคอม ดูดีๆมันเป้นรูปคอมพิวเตอร์ แล้วมีถาด cd ยื่นออกมาแน่ะ
- รถไฟฟ้าของมช ออกแบบใหม่ คล้ายรถกอร์ฟ แต่ใครนั่งหลังสุด ก็ต้องทนกับการถูกจ้องหน้า จากรถที่ตามท้ายมา
- หมาในมช.มีเยอะมาก แต่มีอยู่ตัวนึง ชอบวิ่งไล่ และลวนลามหญิง
- ยาม ใต้หอถูกจ้างมาให้หลับ
- เซเว่นไม่เปิด 24 ชั่วโมง
- เลมอน กรีน ใต้หอ 4 ไม่มีบัตรเติมเงินขาย
- เข้าหอสมุดต้องสแกนลายนิ้วมือ
- หน้าหอมีดอกไม้เยอะมาก เหมือนอยู่ในงานพืชสวนโลก
- รถมอไซหายโดนเฉลี่ย วันละคัน
- บูมค.วิดยา ได้ยินบ่อยมากตอนอยู่หอใน (บูม ค. สามรอบ คอคอคอวอยอ คอคอคอวอยอ คอคอคอวอยอ คือชื่อย่อคณะวิทยาศาสตร์)
- บางคนไม่เคยใช้ลิฟท์ที่ scb1 ทั้งที่มีเรียนที่นั่นทุกวัน
- เพลงประจำมหาวิทยาลัยเพลงใหม่คือ มช.รำลึก ได้แกรมมี่เป็นคนแต่งให้ มีคุณเท่ห์อุเทนเป็นคนร้อง
- เพลงมหาลัยของแต่ละคณะจะร้องคนละทำนอง
- มีรถแพนเค้ก กะรถอองรี (รถซ้าย-วนขา) ขับผ่านหอ
- เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ แทบจะกลายเป็นชุดนศ.แล้ว มีเสื้อเชิ่ตหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งเสื้อจังหวัด เสื้อโรงเรียน เสื้อสโม เสื้อคณะ เสื้อภาค เสื้อชมรม เสื้อตำบล เสื้ออำเภอ
- คอมในมอทุกเครื่องต้องมีไวรัส (เป็นของคู่กัน)
- มาม่าหอ 7 อร่อยมากยามค่ำคืน
- มีสุนัขวิ่งขึ้นดอยพร้อมเฟรชชี่ปีหนึ่งทุกปี
- ขอคอนเฟิร์มว่า ของหวานคณะมนุษย์ ลูกชิ้นคณะสังคม เฉาก๊วย ที่ตึกชอกโกแลต น้ำส้มสวนสุขภาพ อร่อยมาก
- บะหมี่ยำ น่องไก่ ที่ โรงอาหาร Bio อร่อยมาก
- แมวดำที่หอแปดหญิง ชอบดูนักศึกษาอาบน้ำ
- เมื่อก่อนอมช เริ่มขายตอนตีสี่ เดี๋ยวนี้หกโมง
- ประเพณีเดินขึ้นดอย ถ้าแซงคณะวิดยา จะเหนื่อยหน่อยนะคะ เพราะว่าแถวยาวมาก
- sport day คณะแพทย์ และ คณะวิดยา แข่งเชียร์กันทุกปี
- หนุ่ม - สาว Stat - วิดยา นิยมใช้ห้องน้ำที่ Uniserve
- สามารถดูเกรดโดยการส่ง sms
- ประเพณีอ่านหนังสือโต้รุ่ง ยังคงมีตามหอชายทั่วไป
- วิดวะ มีเพลง เด็กเอ๋ย เด็กดี เวอร์ชั่น sensor
- มช.เคยมีเทศกาลเปิดหอ ให้ชายขึ้นหอหญิง ให้หญิงขึ้นหอชาย สลับกันหนึ่งวัน...แต่ละห้องจะต้องมีขอกินเลี้ยงคนที่มาเยี่ยมห้องด้วย
- ทุกวันที่ 14 กุมภา เด็กมช.จะได้กินก๋วยเตี๋ยวลุงว้ากฟรี เพราะเป็นวันเกิดแก แกเลี้ยงทั้งร้าน จริงๆนะ
- เรียน 8 โมงมักพบในเด็กปีหนึ่งเท่านั้น
- บัตรนักศึกษาหนึ่งใบเป็นได้ทั้ง บัตรนักศึกษา atm เช่าการ์ตูน เช่าหนัง แต่ใช้เข้าผับไม่ได้
- แถวภาควิชาเคมีมีห้องหนึ่งชื่อว่า ห้องเป่าแก้ว แต่หลายๆคนเรียกผิด เป็น ห้องป้าแก้ว
- ผ้าป่าธรณี ของวิดยาธรณีและgem ฮามากๆ ไม่เฉพาะแค่หอใน เค้าไปเต้นกันที่ฝายหินรวมถึงหน้า-หลังมอด้วย
- สุรา(หมักเอง) ของภาคจุลชีววิทยา คณะวิทย์ ถือว่าแรงที่สุด เพราะทำให้พวกคอแข็งๆอย่างเด็กเกษตรดื่มแล้วเมา
- RB3,5 อมช. ความน่ารักสัมพัทธ์เยอะที่สุด
- ลูกสาวร้านขายหอยทอดที่ตลาดฝายหิน น่ารักมากกก
- โรงอาหารไบโอ มีอยู่จิง แต่มักรู้กันแค่คณะวิทย์
- อมช ถ้าใครกินทุกวันจนจบ คงเป้นเศรษฐีจากเงินเก็บแน่ๆ (เพราะของถูกมากกก)
- ประเพณีขึ้นดอยของคณะวิทย์ จะมีเสียง "อัดตับ ๆ" ดังลั่นตลอดเวลา เนื่องจากคนเยอะต้องเดินเร็ว ๆ และอัดแถวกันให้สั้นที่สุด
- ที่ภาควิชาฟิสิกส์ มีหมาชื่อคุณตึ๋ง เป็นเทอร์เรียสีขาว ชอบเข้าไปนั่งฟังบรรยายวิชาปีหนึ่ง จนอาจารย์บอกว่าถ้ามันเป็นคนคงจะจบด็อกเตอร์มานั่งสอนนักศึกษาแล้ว
- ที่ภาควิชาชีวะ คณะวิทย์ เคยต้องทำบุญใหญ่ เพราะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นทุกวัน เช่น เก้าอี้แล็บหมุนเอง หรือมีเสียงคนเดินบนบันไดตอนเที่ยงคืน มีเงาคนเดินไปมาในเรือนเพาะชำใต้ตึก จนตอนนั้นไม่มีใครกล้าอยู่ทำงานที่ภาคหลังพระอาทิตย์ตก บางคนว่าเป็นวิญญาณของสัตว์ทดลองมากมายที่ต้องใช้เรียนกัน
แก้ไขๆ ..ตอนนี้โรงอาหารหอ 6 ชาย ต้องเก็บจานเองแล้ว...
จบประกาศ!!
กฏของเมอร์ฟีย์.....
อ่า…งงอ่ะดิว่าเมอร์ฟี่เป็นใคร
นี่พวกคุณไม่เคยได้ยินเรื่องกฎของนายเมอร์ฟี่เหรอ?
หืม ไม่เคยเหรอ…เอางี้ สำหรับคนไม่เคยรู้ว่าเมอร์ฟี่เป็นใคร ตั้งกฎอะไร... ขอเเนะนำให้รู้จักนิยามของกฎของมันอย่างง่ายๆเลยเเล้วกัน.....
กฏของเมอร์ฟีย์.....
.......มันคือกฎเเห่งความซวยซ้ำซาก.....
กฎที่ว่าเนี่ย พูดไว้ว่าถ้ามีความเป็นไปได้ที่คุณจะถึงคราวซวยเมื่อไหร่ รับรองเลยว่าความซวยเหล่านั้นมันจะพุ่งเข้าหาคุณอย่างสูงสุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้
กฎของเมอร์ฟี (อังกฤษ: Murphy's Law) เป็นภาษิตที่มีการกล่าวถึงการอย่างกว้างขวางว่า "สิ่งใดก็ตามหากผิดพลาดได้ มันก็จะผิดพลาด" (Anything that can go wrong, will go wrong)
ภาษิตดังกล่าวยังถูกใช้ในความหมายที่ประชดประชันว่าเหตุการณ์ทั้งหลายมักจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกิดการผิดพลาด หรือหากจะเจาะจงกว่านั้น อาจเป็นการสะท้อนแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ว่า ภายใต้เวลานานในระดับหนึ่งนั้น เหตุการณ์ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากยิ่งจะมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (เนื่องจากความน่าจะเป็น มีค่ามากกว่า 0) ถึงแม้ว่า ส่วนใหญ่มักจะใช้กับเหตุการณ์ในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดีก็ตาม
มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างในจักรวาลที่มนุษย์เห็นว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สนใจมาเป็นเวลายาวนานแล้ว เครื่องแสดงถึงแนวคิดดังกล่าวก่อนหน้ากฎของเมอร์ฟี่นี้สามารถพบได้ไม่ยาก ตัวอย่างเช่น หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งในนอร์วอล์ก รัฐโอไฮโอ ในปี ค.ศ. 1841 ได้ตีพิมพ์กลอนบทหนึ่ง ซึ่งเป็นการล้อเลียนกลอนในหนังสือ Lalla-Rookh ของโธมัส มัวร์:
I never had a slice of bread,
Particularly large and wide,
That did not fall upon the floor,
And always on the buttered side.
ผมไม่เคยได้กินขนมปังแผ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันที่ใหญ่และกว้าง
ซึ่งไม่ได้ตกลงบนพื้น
และหันเอาด้านทาเนยลงเสมอ
credit:2pmtime.exteen.com
นี่พวกคุณไม่เคยได้ยินเรื่องกฎของนายเมอร์ฟี่เหรอ?
หืม ไม่เคยเหรอ…เอางี้ สำหรับคนไม่เคยรู้ว่าเมอร์ฟี่เป็นใคร ตั้งกฎอะไร... ขอเเนะนำให้รู้จักนิยามของกฎของมันอย่างง่ายๆเลยเเล้วกัน.....
กฏของเมอร์ฟีย์.....
.......มันคือกฎเเห่งความซวยซ้ำซาก.....
กฎที่ว่าเนี่ย พูดไว้ว่าถ้ามีความเป็นไปได้ที่คุณจะถึงคราวซวยเมื่อไหร่ รับรองเลยว่าความซวยเหล่านั้นมันจะพุ่งเข้าหาคุณอย่างสูงสุดเท่าที่มันจะเป็นไปได้
กฎของเมอร์ฟี (อังกฤษ: Murphy's Law) เป็นภาษิตที่มีการกล่าวถึงการอย่างกว้างขวางว่า "สิ่งใดก็ตามหากผิดพลาดได้ มันก็จะผิดพลาด" (Anything that can go wrong, will go wrong)
ภาษิตดังกล่าวยังถูกใช้ในความหมายที่ประชดประชันว่าเหตุการณ์ทั้งหลายมักจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังหรือเกิดการผิดพลาด หรือหากจะเจาะจงกว่านั้น อาจเป็นการสะท้อนแนวคิดทางคณิตศาสตร์ที่ว่า ภายใต้เวลานานในระดับหนึ่งนั้น เหตุการณ์ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากยิ่งจะมีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน (เนื่องจากความน่าจะเป็น มีค่ามากกว่า 0) ถึงแม้ว่า ส่วนใหญ่มักจะใช้กับเหตุการณ์ในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดีก็ตาม
มีเหตุการณ์มากมายหลายอย่างในจักรวาลที่มนุษย์เห็นว่าเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผล ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สนใจมาเป็นเวลายาวนานแล้ว เครื่องแสดงถึงแนวคิดดังกล่าวก่อนหน้ากฎของเมอร์ฟี่นี้สามารถพบได้ไม่ยาก ตัวอย่างเช่น หนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งในนอร์วอล์ก รัฐโอไฮโอ ในปี ค.ศ. 1841 ได้ตีพิมพ์กลอนบทหนึ่ง ซึ่งเป็นการล้อเลียนกลอนในหนังสือ Lalla-Rookh ของโธมัส มัวร์:
I never had a slice of bread,
Particularly large and wide,
That did not fall upon the floor,
And always on the buttered side.
ผมไม่เคยได้กินขนมปังแผ่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อันที่ใหญ่และกว้าง
ซึ่งไม่ได้ตกลงบนพื้น
และหันเอาด้านทาเนยลงเสมอ
credit:2pmtime.exteen.com
the way to success
หากหนทางสู่ความสำเร็จนั้นมีถึง 100 ก้าว
อย่าพึ่งคิดว่าการเดินทางนั้นล้มเหลว
หากเรายังไปไม่ถึงก้าวที่ 99
เพราะรางวัลแห่งความสำเร็จนั้นวางอยู่ที่ "ปลายทาง" ไม่ใช่ "จุเริ่มต้น"
อย่าพึ่งคิดว่าการเดินทางนั้นล้มเหลว
หากเรายังไปไม่ถึงก้าวที่ 99
เพราะรางวัลแห่งความสำเร็จนั้นวางอยู่ที่ "ปลายทาง" ไม่ใช่ "จุเริ่มต้น"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)